พระสมเด็จปรกโพธิ์รุ่นบารมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ.๒๕๓๔

พระสมเด็จปรกโพธิ์รุ่นบารมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ.๒๕๓๔
พระสมเด็จปรกโพธิ์รุ่นบารมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ.๒๕๓๔พระสมเด็จปรกโพธิ์รุ่นบารมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ.๒๕๓๔พระสมเด็จปรกโพธิ์รุ่นบารมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ.๒๕๓๔พระสมเด็จปรกโพธิ์รุ่นบารมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ.๒๕๓๔พระสมเด็จปรกโพธิ์รุ่นบารมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ.๒๕๓๔
หมวดหมู่ พระเครื่อง เหรียญ สมเด็จพระญาณสังวรฯ
ราคา 350.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 2 เม.ย. 2563
อัพเดทล่าสุด 5 ต.ค. 2564
คงเหลือ 1 องค์
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
           กรุณาอ่านตรงนี้ก่อน
* ขายตามราคาที่ลงไว้ + ค่าส่งทาง ปณ.ตามที่แจ้งด้านล่าง  *กรุณาไม่ต้องลองต่อรองราคามา

* ไม่มีแบบเก็บเงินปลายทาง
* สภาพตามรูปที่ลงไว้ ไม่ถ่ายรูปสดเพิ่มเติม


จัดส่งทางไปรษณีย์ไทยเพียงช่องทางเดียว
  
*
แบบพัสดุด่วนพิเศษ (EMS) ค่าส่ง คิด 40 บาท ไม่ว่าจะซื้อกี่รายการ

+ ขนาดสูงประมาณ 3.5 ซ.ม.

+ ลงทองมาแต่เดิม เก่าเก็บสภาพสวยพร้อมกล่อง

(8.1.63)

+ ขายตามราคาที่ลงไว้
***รับประกันเป็นพระแท้***

ท่านที่ดูรายการนี้จาก LnwMall หากไม่มั่นใจในความน่าเชื่อถือ ขอเชิญเข้าเยี่ยมชม
หน้าร้านอัปสรา อมิวเลท ที่lnwshop =>
http://apsara-amulet.lnwshop.com/

หรือที่หน้าร้านหลัก => https://www.web-pra.com/shop/apsara-amulet
หรือสอบถามเพิ่มเติมทาง
line id : apsara888
                   

++ คัดลอกพระประวัติของท่านมาจาก https://news.mthai.com/

ขออนุญาตเผยแพร่และขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

“สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระนามเดิมว่า เจริญ คชวัตร ประสูติเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2456 เป็นบุตรคนโตของนายน้อย คชวัตร และนางกิมน้อย คชวัตร ชาวกาญจนบุรี พระองค์มีน้องชาย 2 คน ได้แก่ นายจำเนียร คชวัตร และนายสมุทร คชวัตร บิดาของพระองค์ป่วยเป็นโรคเนื้องอกและเสียชีวิตไปตั้งแต่พระองค์ยังเล็ก หลังจากนั้น พระองค์ได้มาอยู่ในความดูแลของป้าเฮงซึ่งเป็นพี่สาวของนางกิมน้อยที่ได้ขอพระองค์มาเลี้ยงดู

เมื่อพระชันษาได้ 8 ปี ทรงเข้าเรียนที่โรงเรียนประชาบาล วัดเทวสังฆาราม จนจบชั้นประถม 5 (เทียบเท่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2 ในปัจจุบัน) เมื่อ พ.ศ. 2468 ในขณะที่มีพระชันษา 12 ปี หลังจากนั้น ทรงไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรต่อและไม่รู้ว่าจะเรียนที่ไหน ทรงเล่าว่า เมื่อเยาว์วัยมีพระอัธยาศัยค่อนข้างขลาด กลัวต่อคนแปลกหน้า และค่อนข้างจะเป็นคนติดป้าที่อยู่ ใกล้ชิดกันมาแต่ทรงพระเยาว์โดยไม่เคยแยกจากกันเลยจึงทำให้พระองค์ไม่กล้าตัดสินพระทัยไปเรียนต่อที่อื่น

บรรพชาและอุปสมบท

เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาว์นั้นทรงเจ็บป่วยออดแอดอยู่เสมอ โดยมีอยู่คราวหนึ่งที่ทรงป่วยหนักจนญาติ ๆ ต่างพากันคิดว่าคงไม่รอดแล้วและได้บนไว้ว่า ถ้าหายป่วยจะให้บวชเพื่อแก้บน แต่เมื่อหายป่วยแล้ว พระองค์ก็ยังไม่ได้บวช จนกระทั่งเรียนจบชั้นประถม 5 แล้ว พระองค์จึงได้ทรงบรรพชาเป็นสามเณรเพื่อแก้บนในปี พ.ศ. 2469 ขณะมีพระชันษาได้ 14 ปี ที่วัดเทวสังฆาราม โดยมีพระเทพมงคลรังษี (ดี พุทธฺโชติ) เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆารามเป็นพระอุปัชฌาย์และพระครูนิวิฐสมาจาร (เหรียญ สุวณฺณโชติ) เจ้าอาวาสวัดศรีอุปลารามเป็นพระอาจารย์ให้สรณะและศีล

 

ภายหลังบรรพชาแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเทวสังฆาราม 1 พรรษาและได้มาศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดเสน่หา จังหวัดนครปฐม หลังจากนั้น พระเทพมงคลรังษี (ดี พุทธฺโชติ) พระอุปัชฌาย์ได้พาพระองค์ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร และนำพระองค์ขึ้นเฝ้าถวายตัวต่อสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร (ต่อมา คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์) เพื่ออยู่ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักวัดบวรนิเวศวิหาร พระองค์ทรงได้รับประทานนามฉายาจากสมเด็จพระสังฆราชว่า สุวฑฺฒโนซึ่งมีความหมายว่า ผู้เจริญดีจนกระทั่ง พระชันษาครบอุปสมบทจึงทรงเดินทางกลับไปอุปสมบทที่วัดเทวสังฆารามเมื่อ พ.ศ. 2476 ภายหลังจึงได้เดินทางเข้ามาจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เพื่อทรงศึกษาพระธรรมวินัยและที่วัดบวรนิเวศวิหารนี่เอง พระองค์ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทซ้ำเป็นธรรมยุติกนิกาย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

การศึกษาพระปริยัติธรรม

พระองค์ทรงเริ่มเรียนพระปริยัติธรรมตามคำชักชวนของพระเทพมงคลรังษี (ดี พุทธฺโชติ) พระอุปัชฌาย์ ที่ตั้งใจจะให้พระองค์กลับมาสอนพระปริยัติธรรมที่วัดเทวสังฆารามและจะสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมเตรียมไว้ให้ โดยพระอุปัชฌาย์นำพระองค์ไปฝากไว้กับพระครูสังวรวินัย (อาจ) เจ้าอาวาสวัดเสน่หา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2470 แล้วจึงเริ่มเรียนภาษาบาลีโดยมีพระเปรียญจากวัดมกุฏกษัตริยารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นอาจารย์สอน หลังจากนั้น จึงเดินทางมายังกรุงเทพมหานครเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดบวรนิเวศวิหาร[2] พระองค์ทรงสอบได้นักธรรมชั้นตรีได้เมื่อ พ.ศ. 2472 และทรงสอบได้นักธรรมชั้นโทและเปรียญธรรม 3 ประโยค ในปี พ.ศ. 2473

 

พระองค์ทรงตั้งพระทัยอย่างมากในการสอบเปรียญธรรม 4 ประโยค แต่ผลปรากฏว่าทรงสอบตก ทำให้ทรงรู้สึกท้อแท้และคิดว่า คงจะหมดวาสนาในทางพระศาสนาเสียแล้วแต่เมื่อทรงคิดทบทวนและไตร่ตรองดูว่าทำไมจึงสอบตก ก็ทรงตระหนักได้ว่าเหตุแห่งการสอบตกนั้นเกิดจากความประมาทโดยแท้ กล่าวคือ ทรงทำข้อสอบโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบด้วยสำคัญผิดว่าตนรู้ดีแล้ว ทั้งยังมุ่งอ่านเฉพาะเนื้อหาที่เก็งว่าจะออกเป็นข้อสอบเท่านั้น ซึ่งพระองค์ทรงพบว่าเป็นวิธีการเรียนที่ไม่ถูกต้องเพราะไม่ทำให้เกิดความรู้อย่างแท้จริง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พระองค์สอบตก เมื่อพระองค์ทรงตระหนักได้ดังนี้แล้วจึงทรงเปลี่ยนมาใช้วิธีเรียนแบบสม่ำเสมอและทั่วถึง

 

พระองค์จึงสอบได้ทั้งนักธรรมชั้นเอกและเปรียญธรรม 4 ประโยค ในปี พ.ศ. 2475หลังจากนั้น พระองค์ทรงกลับไปสอนพระปริยัติธรรมที่โรงเรียนเทวานุกูล วัดเทวสังฆาราม เพื่อสนองพระคุณพระเทพมงคลรังษีเป็นเวลา 1 พรรษา แล้วจึงทรงกลับมาอยู่วัดบวรนิเวศวิหารเพื่อทรงศึกษาพระปริยัติธรรมต่อไป โดยทรงสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค โดยในระหว่างที่ทรงอยู่วัดบวรนิเวศวิหารนั้น พระองค์ก็ยังคงกลับไปช่วยสอนพระปริยัติธรรมที่วัดเทวสังฆารามอยู่เสมอ พระองค์ยังทรงศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง สอบได้เปรียญธรรม 9 ในปี พ.ศ. 2484

 

การปฏิบัติหน้าที่ด้านคณะสงฆ์

หลังจากที่พระองค์สอบได้เปรียญธรรม 9 แล้ว พระองค์ทรงเริ่มงานอันเกี่ยวเนื่องกับคณะสงฆ์อีกมากมาย ซึ่งนอกเหนือจากเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแล้ว พระองค์ยังเป็นผู้อำนวยการศึกษาสำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหารซึ่งมีหน้าที่จัดการศึกษาของภิกษุสามเณรทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลี รวมทั้งทรงเป็นสมาชิกสังฆสภาโดยตำแหน่งในฐานะเป็นพระเปรียญ 9 ประโยค ต่อมา เมื่อมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2488 พระองค์ทรงรับหน้าที่เป็นกรรมการสภาการศึกษาและอาจารย์ของมหาวิทยาลัย รวมทั้ง เป็นพระวินัยธรชั้นอุทธรณ์และรักษาการพระวินัยธรชั้นฎีกาในกาลต่อมา นอกจากนี้ ยังทรงเป็นเลขานุการในสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์อีกด้วย

 

เมื่อมีพระชันษาได้ 34 ปี พระองค์ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญ ที่ พระโศภนคณาภรณ์ โดยพระองค์ได้รับเลือกจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ให้เป็นพระอภิบาลของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชในระหว่างที่ผนวชเป็นพระภิกษุและเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อปี พ.ศ. 2499 ต่อมา ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นธรรม ที่ พระธรรมวราภรณ์ โดยราชทินนามทั้ง 2 ข้างต้นนั้นเป็นราชทินนามที่ตั้งขึ้นใหม่สำหรับพระราชทานแก่พระองค์เป็นรูปแรก

 

ในปี พ.ศ. 2504 พระองค์ได้รับตำแหน่งเป็นผู้รักษาการเจ้าคณะธรรมยุตภาคทุกภาคและเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร ในปีเดียวกันนี้เองพระองค์ได้รับการสถาปนาที่ พระสาสนโสภณ[5] พระองค์เข้ารับตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 และยังคงดำรงตำแหน่งมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังได้ทรงนิพนธ์ผลงานทางวิชาการ เอกสาร และตำราด้านพุทธศาสนาไว้มากมาย[6]

สมเด็จพระสังฆราช

พ.ศ. 2515 พระองค์ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระญาณสังวร ซึ่งเป็นราชทินนามที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดให้ตั้งขึ้นใหม่สำหรับพระราชทานสถาปนาสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) พระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2359 ตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระญาณสังวร จึงเป็นตำแหน่งพิเศษที่โปรดพระราชทานสถาปนาแก่พระเถระผู้ทรงคุณทางวิปัสสนาธุระเท่านั้น

 

เมื่อสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน)สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2531 ทำให้ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในราชทินนามเดิม คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งราชทินนามดังกล่าวนับเป็นราชทินนามพิเศษ กล่าวคือ สมเด็จพระสังฆราชที่มิได้เป็นพระบรมวงศานุวงศ์นั้น โดยปกติจะใช้ราชทินนามว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ บางพระองค์ ครั้งนี้จึงนับเป็นอีกหนึ่งครั้งมีการใช้ราชทินนาม สมเด็จพระญาณสังวร สำหรับสมเด็จพระสังฆราชเพื่อเป็นพระเกียรติคุณทางวิปัสสนาธุระของพระองค์ นับเป็นสมเด็จพระญาณสังวรสังฆราชพระองค์แรกของประเทศไทย “

-             สมเด็จพระญาณสังวรฯ ถือเป็นสมเด็จพระสังฆราชที่มีพระชันษามากกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีตและเป็นพระองค์แรกของไทยที่มีพระชันษา 100 ปี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต

วิธีการสั่งซื้อสินค้า

ขั้นตอนที่ 1
เลือกสินค้าที่คุณต้องการ โดยคลิกปุ่มสั่งซื้อ / หยิบลงตะกร้า
ขั้นตอนที่2
เมื่อเลือกสินค้าครบแล้ว ให้คลิกปุ่มสั่งซื้อสินค้าในตะกร้าสินค้า
ขั้นตอนที่ 3
กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน จากนั้นคลิกปุ่มยืนยันการสั่งซื้อ
ขั้นตอนที่ 4
ชำระค่าสินค้าและบริการ สามารถดู วิธีการชำระเงินได้ที่นี่
ขั้นตอนที่ 5
แจ้งการชำระเงินผ่านทางหน้าเว็บไซต์ แจ้งชำระเงิน
ขั้นตอนที่ 6
เมื่อทางร้านตรวจสอบรายการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว จะจัดส่งสินค้าให้คุณทันที

วิธีการชำระเงิน

โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของร้าน หรือทำรายการสั่งซื้อและชำระเงินตามวิธีที่ LnwShop กำหนดไว้
***ไม่มีแบบเก็บเงินปลายทาง

เลือกช่องทางที่คุณสะดวก เพื่อชำระเงินให้ร้านค้าโดยตรง หากมีข้อสงสัย กรุณา ติดต่อเรา

โอนเงินบัญชีธนาคาร
บมจ. ธนาคารกรุงไทย สาขาปราจีนบุรี ออมทรัพย์

เลือกช่องทางที่คุณสะดวก เมื่อชำระเงินเรียบร้อย คุณจะได้รับอีเมลยืนยันการชำระเงินทุกครั้ง (LnwPay ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม อ่านรายละเอียด)

บัตรเครดิต / บัตรเดบิต
คุณสามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิต (Credit card) หรือ บัตรเดบิต (Debit Card) ได้ทุกธนาคารและสถาบันการเงิน ที่มีสัญลักษณ์ VISA, MASTERCARD, JCB
หมายเหตุ: สำหรับการชำระด้วยบัตรเดบิต (Debit Card) จำเป็นต้องสมัครใช้บริการจากธนาคารก่อนชำระเงิน ดูวิธีสมัคร ธ.กสิกร | ธ.กรุงเทพ | ธ.กรุงไทย
ดำเนินการต่อเมื่อกดปุ่มนี้ ระบบจะพาคุณไปยังเว็บไซต์ LnwPay
แอพพลิเคชั่นธนาคาร
อีกก้าวของความสะดวกสบาย ให้คุณชำระเงินผ่าน แอพพลิเคชั่นธนาคารบนมือถืออย่าง K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย เพียงกรอกเบอร์มือถือ ระบบจะส่งการแจ้งเตือนผ่านแอพ และกดชำระเงินได้ทันที
เลือกช่องทางที่ท่านต้องการชำระผ่าน:
K PLUS App
ดำเนินการต่อ เมื่อกดปุ่มนี้ ระบบจะพาคุณไปยังเว็บไซต์ LnwPay
อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง
บริการที่จะให้คุณชำระเงินค่าสินค้าได้อย่างง่ายดาย เพียงเข้าสู่ระบบบริการ i-Banking, e-Banking ของธนาคาร โดยคุณไม่จำเป็นต้องใส่รหัสร้านค้าให้วุ่นวาย เพียงเข้าสู่ระบบจากนั้นเลือกบัญชีที่ต้องการชำระ รับ SMS สำหรับ OTP และชำระเงินได้ทันที
เลือกช่องทางที่ท่านต้องการชำระผ่าน:
ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงศรีฯ
ดำเนินการต่อ เมื่อกดปุ่มนี้ ระบบจะพาคุณไปยังเว็บไซต์ LnwPay
เงินสดผ่านเคาน์เตอร์
ชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์ ผ่านจุดรับชำระเงินทั่วประเทศ สามารถจ่ายเงินได้ที่ 7-Eleven ทุกสาขา (ผ่าน Counter Service)
เลือกช่องทางที่ท่านต้องการชำระผ่าน:
Counter Service
ดำเนินการต่อ เมื่อกดปุ่มนี้ ระบบจะพาคุณไปยังเว็บไซต์ LnwPay
บัญชีออนไลน์
คุณสามารถชำระเงินผ่านบัญชีออนไลน์ที่คุณใข้บริการ ทั้ง truemoney Wallet และ LINE Pay โดยคุณสามารถเลือกตัดยอดเงินได้ทันที หรือจะชำระผ่านช่องทางต่างๆ ที่ผู้ให้บริการนั้นรองรับก็ได้เช่นกัน
เลือกช่องทางที่ท่านต้องการชำระผ่าน:
TrueMoney
LINE Pay
ดำเนินการต่อ เมื่อกดปุ่มนี้ ระบบจะพาคุณไปยังเว็บไซต์ LnwPay

นโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

หากต่อมาพบว่าเป็นพระฯไม่แท้ยินดีรับคืนโดยพระฯต้องอยู่ในสภาพเดิม ยกเว้นพระฯในหมวดไม่รู้ที่จัดสร้าง

หมวดหมู่พระเครื่อง

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม1,391,146 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด1,078,505 ครั้ง
เปิดร้าน24 ก.พ. 2559
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

ระบบสมาชิก

   ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าเยี่ยมเยือนร้าน
     
 
           LINE QR CODE





กล่อง "เขียนข้อความ" กล่องที่จะให้คุณเพิ่มข้อความ รูปภาพและวิดีโอได้อย่างอิสระตามสไตล์ของคุณเอง โดยมีวิธีการแก้ไขข้อความดังตามขั้นตอนต่อไปนี้
เข้าสู่โหมดตกแต่งร้าน > คลิกเลือกที่กล่องนี้ > เลือกเมนูข้อความ
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านอัปสรา อมิวเลท
อัปสรา อมิวเลท
พระแท้ราคาถูกแบบพระแผง พระแท้รับประกันแบบพระห้าง ร้านให้เช่าบูชาพระเหรียญ พระผง พระกรุ พระเนื้อดิน พระเนื้อชิน พระกริ่ง พระรูปหล่อ รูปถ่ายพระเกจิอาจารย์ เครื่องรางของขลัง ของพระเกจิอาจารย์ทุกภาค พระเหนือ พระใต้ พระตะวันออก พระตะวันตก พระภาคกลาง ที่จัดสร้างหลากหลายรูปแบบเป็นพระสมเด็จ, พระปิดตา, พระพุทธชินราช, หลวงพ่อโสธร, พระสังกัจจายน์, นางกวัก, หลวงพ่อทวด, สมเด็จโต, เหรียญร5, เหรียญร9, นางกวัก, เต่าเลือน, จรเข้, ผ้ายันต์, หนังสือพระ และธนบัตร เหรียญกษาปณ์ เหรียญที่ระลึก + ขายพระราคาถูก ราคาองค์ละ 40-50บาท มีเป็นจำนวนมาก ถ้าเป็นพระนิยมก็ราคาตามสมควร + รับประกันพระแท้ของแท้ทุกรายการ (ยกเว้นหมวดพระไม่รู้ที่) หากปรากฏภายหลังว่าไม่แท้หรือต่อมาวงการพระสากลเปลี่ยนแปลงข้อมูลว่าเป็นพระไม่แท้ ยินดีคืนเงินให้เต็มจำนวนพร้อมค่าใช้จ่าย + ที่ร้านนี้ขายพระถูกๆ เพื่อให้ผู้ศรัทธาผู้นิยมชมชอบพระเครื่องได้บูชาได้สะสมพระแท้ ไม่ใช่เอาของเก๊, ของเล่นสนาม, หรือของนอกสารบบมาปล่อย ร้านพระเครื่องอัปสรา อมิวเลท ร้านที่ 1 เปิดอยู่ที่เวบไซด์พระเครื่องมาตรฐานมากว่า 12 ปีแล้ว (https://www.web-pra.com/shop/apsara-amulet/) และร้านที่ เวบไซด์lnwshop นี้ก็เปิดมากว่า 6 ปีแล้ว (เหตุที่มาเปิดร้านที่นี่เนื่องจากตอนนั้นร้านที่ web-pra มีunit จำนวน 2,000 ลงจนเต็ม จึงมาเปิดร้านที่นี่เพื่อนำพระราคาเบาๆมาลง ซึ่งได้รับการอุดหนุนด้วยดีเสมอมา)
เบอร์โทร : 0897673123
อีเมล : tociii2003@yahoo.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม